วันพฤหัสบดีที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2558

lab 6 การวิเคราะห์พื้นผิว (Surface Analysis)



การวิเคราะห์พื้นผิว (Surface analysis)

การวิเคราะห์พื้นผิว (Surface analysis) เป็นการวิเคราะห์การกระจาย ของค่าตัวแปรหนึ่งซึ่งเปรียบเสมือนเป็นมิติที่ 3 ของข้อมูลเชิงพื้นที่
         โดยข้อมูลเชิงพื้นที่มีค่าพิกัดตามแนวแกน X และ Y ส่วนตัวแปรที่น ามา วิเคราะห์เป็นค่า Z ที่มีการกระจายตัวครอบคลุมทั้งพื้นที่
          ตัวอย่างของค่า Z ได้แก่ ข้อมูลความสูงของพื้นที่ ความเข้มข้นของ สารเคมี ปริมาณน้ าฝน และอุณหภูมิ เป็นต้น
         ผลจากการวิเคราะห์พื้นผิวสามารถแสดงเป็นภาพ 3 มิติให้เห็นถึงความ แปรผันของข้อมูลด้วยลักษณะสูงต่ำของพื้นผิวนั้น
        การแสดงข้อมูลพื้นผิวสามารถใช้โครงสร้างข้อมูลแบบเวคเตอร์โดยการใช้
  Triangulated Irregular Network (TINs) หรือ



        โครงสร้างแบบแรสเตอร์โดยการใช้ Digital Elevation Model (DEM)

1. การสร้าง Contour line
       Contour line หรือ เส้นชั้นความสูง    หมายถึง เส้นจิตนาการของระดับที่คงที่บนพื้นดิน ซึ่งได้จากการลากเส้นคงที่ผ่านจุดต่าง ๆ บนพื้นดินที่มีค่าระดับเท่ากัน หรือในบางครั้งอาจเป็นค่าอื่น ๆ ก็ได้ เช่น ปริมาณน้ำฝน หรือระดับความ ลึกของน้ำ เป็นต้น
ประเภทของเส้นชั้นความสูง
             -  เส้นชั้นความสูงหลัก มีขนาดหนากว่า
             -  เส้นชั้นความสูงรอง จะมีขนาดเล็กกว่าชั้นความสูงหลัก
             -  เส้นชั้นความสูงแทรก เป็นเส้นประสีน้ำตาล อยู่ระหว่างเส้นชั้นความสูง โดยจะมีค่าครึ่งหนึ่ง
Contour interval หรือ ค่าความต่างของเส้น การกำหนด Contour interval กำหนดได้ดังนี้
             -  ลักษณะดินเดิมตามธรรมชาติ ถ้าดินมีความลาดชันมาก Contour interval จะมีค่ามาก
             -  มาตราส่วนแผนที่  ถ้าแผนที่มาตราส่วนเล็ก Contour interval จะมีค่ามาก
             -  ขึ้นอยู่กับจุดประสงค์และเนื้อที่ทำการสำรวจ
             -  ระยะเวลาและค่าใช้จ่ายในการสำรวจ
การสร้างเส้น Contour มี 2 วิธีดังนี้
             1. สร้างได้ครั้งละ 1 เส้น ณ ตำแหน่งที่คลิก
             2. สร้างได้พร้อมกันทั้งแผนที่และสามารถกำหนดค่าความต่างของแต่ละเส้นได้
วิธีที่
-ให้นำข้อมูล idw2 ที่เราได้สร้างไว้แล้วมาใช้




-เปิดแถบเครื่องมือ 3D Analyst โดยคลิกเมนูบาร์ Customize > Toolbars > 3D Analyst


คลิกปุ่ม Contour บนแถบเครื่องมือ 3D Analyst และคลิกบนพื้นผิวที่ต้องการสร้างเส้น Contour


หากต้องการลบเส้น Contour ให้เลือกกราฟิกเส้น Contour ที่ต้องการและกดปุ่ม Delete บนคียบอร์ด

วิธีที่ 2
สร้างเส้น Contour พร้อมกันหลายๆเส้น เริ่มจากเปิด Arctoolbox > 3D Analyst tool > Raster Surface > Contour


-เมื่อเปิดขึ้นมาแล้ว ช่อง Input > idw2 , Output > Saveในโฟล์เดอร์ nitopolaion ที่เราสร้างไว้ชื่อว่า contour และ contour interval > 50  แล้วกด OK


- จะได้ผลลัพธ์


*หมายเหตุ เราสามารถเปลี่ยนสี ได้ตามความต้องการเพื่อให้สวยงาม และ ดูง่ายขึ้น
- จากนั้นสร้าง Label โดยคลิกขวาที่ contour เลือก Properties แล้วก็ไปคลิกเลือก Label เเล้วก็ปรับขนาดตัวอักษรตามต้องการ และกด OK

- จะได้ผลลัพธ์




แนวการมองเห็น (Line of sight)
ใช้สำหรับการวิเคราะห์การมองเห็นว่าพื้นที่ใดสามารถมองเห็นได้บนพื้นผิวจากตำแหน่งต่างๆ ใช้ประโยชน์ในงานด้านต่างๆ เช่น การประเมินพื้นที่เพื่อวางแผนตั้งกองกำลัง การสร้างหอคอย เป็นต้น สีของเส้นจะบอกตำแหน่งพื้นผิวที่สามารถมองเห็นได้และไม่สามารถมองเห็น
เส้นสีแดงและเส้นสีเขียวแทน
           -  เส้นสีแดง (Obstructed area) บริเวณที่ถูกกีดขวางจากจุดสังเกต
           -  เส้นสีเขียว (Visible area)  บริเวณที่สามารถมองเห็นจากตำแหน่งจุดสังเกต
           -  จุดสีน้ำเงิน (Observer point) ตำแหน่งที่ถูกกีดขวางจากตำแหน่งจุดสังเกตไปยังตำแหน่ง

เป้าหมาย
           -  จุดสีดำ (Observer location) ตำแหน่งจุดสังเกต
           -  จุดสีแดง (Target location) ตำแหน่งเป้าหมาย
คลิกปุ่ม Create Line of Sight บนแถบเครื่องมือ 3D Analyst
จะปรากฏหน้าต่าง Line of Sight
        -  Observer offset คือ ระดับสายตาของผู้สังเกตที่ใช้ในการกำหนดการมองเห็นจากตำแหน่งที่สังเกต โดยมีความสูงเป็น 1 ซึ่งหน่วยจะเหมือนกันกับหน่วยค่า Z
        -  Target  offset  คือ ความสูงของจุดเป้าหมายที่อยู่เหนือพื้นผิว เป้าหมายที่มีความสูงเป็น 0 จะมองเห็นได้น้อยกว่าเป้าหมายที่มีต้องการมองไปถึง
คลิกบนพื้นผิว DEM หรือ TIN ตำแหน่งที่ต้องการเป็นจุดยืนหรือจุดมองและลากเส้นไปในทิศทางที่ต้องการมองไปถึง

- ไปที่แถบเครื่องมือ 3D Analyst แล้วเลือก Create Line of  sight


-แล้วนำมากดที่แผนที่โดยลากเส้นที่ต้องการแล้วดับเบิ้ลคลิก จากนั้นจะเห็นสีของเส้นจะบอกตำแหน่งพื้นผิวที่สามารถมองเห็นได้ (สีเขียว) และ ไม่สามารถมองเห็น (สีแดง)



การวิเคราะห์ทิศทางการไหล (Steepest path)
เป็นการประเมินรูปแบบการกลิ้ง ของวัตถุจากแบบจำลองพื้นผิว โดยจะดูทิศทางการไหลของวัตถุที่ถูกปล่อยจากจุดที่กำหนด ไปตามลักษณะของพื้นที่ โดยจะมีการไหลไปจนถึงบริเวณที่มีความลาดชันมากที่สุด
- ซูมภาพ คลิกปุ่ม Create  Steepest Path  บนแถบเครื่องมือ 3D Analyst
แล้วคลิกบนพื้นผิว DEM หรือ TIN ตำแหน่งที่ต้องการดูทิศทางการไหล



การแสดงภาพตัดขวาง (Profile)
เป็นการแสดงระดับความสูงของพื้นผิวตามแนวเส้นที่กำหนดภาพตัดขวางสามารถช่วยในการประเมินความยากง่ายของเส้นทาง หรือประเมินความเป็นไปได้ในการสร้างถนน หรือทางรถไฟในบริเวณที่กำหนด เป็นต้น
- ไปที่แถบเครื่องมือ 3D Analyst เลือก Interpolate Line ลากแนวเส้นขึ้นมา แล้วดับเบิ้ลคลิกให้ขึ้นแถบเส้นสีฟ้า จึงกดที่ Create Profile Graph    เพื่อสร้างกราฟ



-กดที่ Create Profile Graph    เพื่อสร้างกราฟ


-การแสดงกราฟภาพตัดขวางหลายๆพื้นที่ในกราฟเดียวกัน ให้สร้างเส้นด้วยปุ่ม Interpolate Line จำนวน 2 เส้น หรือมากกว่านี้ก็ได้



การวิเคราะห์ความลาดชัน (Slope)
เป็นการคำนวณอัตราการเปลี่ยนแปลงค่าความสูงจากเซลล์หนึ่งไปยังเซลล์ใกล้เคียง  ความลาดชันสามารถคำนวณและวัดได้ 2 ประเภท ได้แก่
              -  เปอร์เซ็นต์
              -  องศา
1. องศา (Degree)
- ไปที่แถบเครื่องมือ Arctoolbox > 3D Analyst tool > Raster Surface > Slpoe



-จากนั้นที่ช่อง Input raster > idw2 , Output raster > Save ว่า Slpoe_Deg เก็บไว้ในโฟล์เดอร์ของเรา และตรง Output measurement > DEGREE > OK



- จะได้ผลลัพธ์



2. เปอร์เซ็นต์ (Percent rise)
- ไปที่แถบเครื่องมือ Arctoolbox > 3D Analyst tool > Raster Surface > Slpoe เหมือนเดิม  จากนั้นที่ช่อง Input raster > idw2 , Output raster > Save ว่า Slpoe_per เก็บไว้ในโฟล์เดอร์ของเรา และตรง Output measurement > Precent_rise > OK



- จะได้ผลลัพธ์


การวิเคราะห์ทิศทางการหันเหของความลาดชัน (Aspect)
เป็นการกำหนดความลาดชันที่จะรับแสงAspect จะวัดตามเข็มนาฬิกาจาก 0-360 องศาค่าของทุกเซลล์จะบ่งบอกทิศทางการหันเหของความลาดชันโดยพื้นที่ที่เป็น Flat slope จะไม่มีทิศทาง และมีค่าเป็น -1 เสมอ
- ไปที่แถบเครื่องมือ Arctoolbox > 3D Analyst tool > Raster Surface > Aspect


-จากนั้นที่ช่อง Input raster > idw2 , Output raster > Save ว่า Aspect เก็บไว้ในโฟล์เดอร์ของเรา และกด OK


- จะได้ผลลัพธ์


- ต้องการดูค่าพิกัดก็ให้ซูมเข้าไปแล้วคลิกขาวตรงพื้นที่นั้นแล้วเลือก Identify จากนั้นก็จะปรากฏหน้าต่างขึ้นมา



การตกกระทบของแสง (Hillshade)
เป็นรูปแบบความสว่างและความมืดที่พื้นผิวจะได้รับเมื่อให้แสงสว่างจากมุมที่กำหนด
- ไปที่แถบเครื่องมือ Arctoolbox > 3D Analyst tool > Raster Surface > Hillshade


- จากนั้นที่ช่อง Input raster > idw2 , Output raster > Save ว่า Hillshade เก็บไว้ในโฟล์เดอร์ของเรา และกดOK

- จะได้ผลลัพธ์


- ไปเอาอำเภอของจ.กาจญบุรี ออกมา



- ใส่ชื่อให้แต่ละอำเภอ โดยคลิกขวาที่ Properties เลือก Symbology แล้วก็ทำการใส่ชื่ออำเภอลงไปตามนี้


- จะได้ข้อมูลดังนี้


- จากนั้นทำให้แต่ละพื้นที่มีความโปร่งแสง โดยคลิกขวาที่ idw เลือก Properties > Display > Transparency >50%  > OK



-จะได้ผลลัพธ์


พื้นที่การมองเห็น (Viewshed)
เป็นพื้นที่บนพื้นผิวที่สามารถมองเห็นได้จากจุดสังเกตุสาหรับตำแหน่งที่มองเห็นได้ สามารถหาได้ว่ามีผู้สังเกตุกี่คนที่สามารถมองเห็นตาแหน่งนั้นได้รวมถึงกำหนดค่าความสูงของผู้สังเกตุ จากัดความห่าง ความสูง และทิศทางที่จะมอง
- ต้องสร้าง Shapefile ของจุด(Point)ขึ้นมาก่อน โดยคลิกขวาที่โฟเดอร์งานของเรา แล้วเลือก Shapefile จะปรากฏหน้าต่างขึ้นมา ช่อง Name > Point > Feature Type > Point >Edit (Asia>Indian 1975UTM Zone  47N)






- นำข้อมูลจุดเข้ามาแล้วปรับแต่งสัญลักษณ์จุดให้เป็นรูปตึกหรือบ้าน แล้วไปที่คำสั่ง Editor > Start Editing > Point > OK แล้วเลือกพื้นที่ที่ต้องการจุดลงไป แล้วจึงกด Stop Editing





- ไปที่แถบเครื่องมือ Arctoolbox > 3D Analyst tool > Raster Surface > Viewshed  


- เมื่อหน้าต่างขึ้นมา ช่อง Input raster > idw2 , Input point > Point , Output > save ในโฟรเดอร์ที่เราสร้างไว้ว่า viewshed  แล้วกด OK



- ผลลัพธ์

การประมาณปริมาตรในการขุดและถมที่ (Cut-and-Fill)
เป็นการประมาณการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่หรือปริมาตรจากการขุดหรือถมพื้นผิว หรือเรียกว่า สิ่งที่สูญเสีย (Net loss) และสิ่งที่ได้มา (Net gain) ในพื้นที่
- นำข้อมูลของจ.ปราจีนบุรีออกมา โดยใช้ข้อมูล Cut_Fill > DEM_AFTER และ DEM_BEFORE -


- ไปที่แถบเครื่องมือ Arctoolbox > 3D Analyst tool > Raster Surface > Cut Fill



- ช่อง Input raster DEM_BEFORE , Input point > DEM_AFTER , Output > save ในโฟล์เดอร์ที่เราสร้างไว้ว่า CutFill  แล้วกด OK


- ผลลัพธ์ที่เป็นดังนี้ พื้นที่สีแดง คือพื้นที่ที่เพิ่มขึ้นมาหรือถมเพิ่มมา(จะมีตะกอนพัดพามา) พื้นที่สีน้ำเงิน คือ พื้นที่ที่ลดลงหรือถูกขุด(ถูกน้ำพัดพา) สีเทา คือจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง และสามารถเปิดดูข้อมูลได้ที่ Open Attribute





ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น